มือใหม่ต้องเจอ: ชาร์จแบตเตอรี่อย่างไรให้อยู่กับเราไปนาน ๆ ?
posts
เป็นวิธีที่ผมใช้อยู่กับเครื่อง Notebook (MacBook, MacBook Pro) ที่เคยใช้ประจำและให้ผลที่ค่อนข้างดีในทางปฎิบัติ เลยอยากจะเขียนเก็บเอาไว้ เผื่อเป็นประโยชน์กับสมาชิกหรือผู้สนใจทั่วไปนะครับ
ภาพจากเครื่องปัจจุบัน อายุเกือบสองปี
ภาพจากเครื่องก่อนหน้านี้ อายุประมาณหนึ่งปีตอนที่จับภาพนี้ครับ
ก่อนเริ่ม
นี่เป็นการใช้งานทั่วไปของผมครับ
- ผมใช้เครื่องวันละ 4-8 ชม. ต่อวัน ติดต่อกันทุกวัน ตั้งแต่ซื้อเครื่องมาวันแรก จนถึงปัจจุบัน
- ผมใช้เครื่องทำงานเต็มที่ครับ คือใช้ application เฉพาะทางที่กิน CPU 100% อยู่บ่อย ๆ
- ใช้งาน Internet เกือบทุกครั้งที่เปิดเครื่อง
- ใช้งาน wifi ตลอดเวลาในช่วงสองเดือนหลังมานี้ (ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้ครับ)
- และพิมพ์งานเอกสารทั่วไป หรืออื่น ๆ ตามสมควร
- ผมใช้งาน USB ครบทุกช่อง + firewire ด้วยครับ (ต่อ ext.hdd)
ที่ต้องการจะบอกคือ นี่เป็นค่าที่ได้จากการใช้งานโดยเฉลี่ยตลอดอายุเครื่องของผมครับ ไม่ใช่การ benchmark หรืออ้างอิงตัวเลขจากผู้ผลิต
ลืมเรื่อง cycle count ไปก่อนครับ เดี๋ยวผมลองจะอธิบายว่าทำไม
note:
- คำแนะนำนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลของผมแต่เพียงผู้เดียว ที่ใช้งานเครื่อง Notebook มาตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ และให้ผลที่ค่อนข้างดีกับเครื่องของผมครับ
- ไม่รับประกันความถูกต้องใดใด ทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ควรใช้จิตวิญญาณในการอ่านนะครับ
- update: เพิ่มข้อเกี่ยวกับการต่อใช้งาน USB +Firewire ภายในเครื่อง (น้องต่ายถามมาในกระทู้ก่อนหน้านี้ครับ)
เริ่ม
หลักการและเหตุผล
โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า ตัวแบตเตอรี่ไม่ว่ายี่ห้อใดใดก็ตามที่มีอยู่ในโลก ณ ยุคปัจจุบันนี้ ถูกออกแบบมาให้ทำงานแบบนี้ครับ
ชาร์จจนเต็ม แล้วใช้ไฟที่มีอยู่ในแบตฯ (จะให้หมด หรือใช้ไม่หมดก็ได้) แล้วค่อยชาร์จใหม่
ผมเลยคิดว่า ถ้าเราใช้แบตฯ ในลักษณะที่เขาถูกออกแบบมาให้ใช้แล้ว เราน่าจะใช้งานเขาได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่
มีหลาย ๆ ประเด็นรวมกันครับ
1.เราควรเสียบปลั๊กไฟบ้านอยู่ตลอดเวลา ใช้แบตฯ เฉพาะตอนที่เอาเครื่องออกไปใช้นอกสถานที่เท่านั้น?
นี่เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนครับ คือส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า เมื่อเสียบปลั๊กชาร์จแบตฯ จนเต็มแล้ว ไฟจะไม่ไหลผ่านเข้าตัวแบตฯ อีก ทำให้มีสถานะเหมือนไม่ได้ใช้ และชาร์จเต็มอยู่ตลอดเวลา
ความเข้าใจตรงนี้ถูก แต่ไม่ทั้งหมดครับ
ที่ถูกคือ เมื่อแบตฯ ถูกชาร์จไฟจนเต็มแล้ว ไฟจะไม่ไหลผ่านเข้าตัวแบตฯ อีก ..... แล้วความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน คือแบบนี้ครับ
ตัวแบตฯ จะมีการคายประจุออกมาเองเรื่อย ๆ เมื่อระยะเวลาผ่านไปครับ ทีละน้อย ๆ แต่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทีนี้ เมื่อตัวแบตฯ คายประจุออกมาจนถึงจุด ๆ นึงที่เครื่องรับรู้ว่าไฟไม่เต็มแล้ว เช่น แบตฯ คายประจุจนเหลือไฟที่ 98% .. ตัวเครื่องจะตัดไฟให้ไหลเข้าแบตฯ เพื่อชาร์จต่อจนเต็ม 100% ใหม่ครับ
สรุปคือ แม้ว่าเราจะเสียบปลั๊กไฟค้างเอาไว้แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป จะมีการชาร์จไฟให้แบตฯ อยู่เรื่อย ๆ และครั้งละน้อย ๆ ครับ
2.อ้าว แล้วแบบนี้ไม่ดีเหรอ? ชาร์จที่ 1-2% ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ cycle count จะได้ไม่ค่อยขึ้น?
Cycle Count มีเอาไว้สำหรับวัดอายุแบตฯ ได้คร่าว ๆ .. เน้นว่าคร่าว ๆ ครับ จะนับค่อนข้างได้ผลเมื่อแบตฯ ถูกใช้งานมาอย่า่งถูกต้อง ซึ่งไม่ได้มาจากการใช้งานในข้อที่ 1. ครับ
ถ้าเราเสียบปลั๊กค้างเอาไว้ข้ามวันข้ามคืนอยู่บ่อย ๆ ตัวแบตฯ ถูกชาร์จครั้งละน้อย ๆ อยู่เรื่อย ๆ เป็นผลใหั Cycle count ไม่ค่อยขึ้นจริง แต่ที่ตามมาคือ แบตฯ ที่ถูกใช้งานแบบนี้ จะตายเร็วกว่าที่ควรจะเป็นครับ หรือเก็บไฟได้น้อยกว่าแบตฯ ที่ถูกชาร์จสลับใช้อย่างถูกต้อง ที่อายุเท่า ๆ กัน
note: มีบางกรณีสำหรับผู้ที่ชาร์จแบบนี้แล้วแบตฯ ยังดีอยู่ได้ครับ แต่เท่าที่ผมเคยเจอ มักจะให้ผลไปในทางตรงกันข้าม
เหตุผล(ที่น่าจะเป็น)เป็นแบบนี้ครับ
การชาร์จครั้งละน้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานาน ๆ จะมีผลให้เซลส่วนที่ไม่มีไฟไหลผ่านเข้าออกเลย ค่อย ๆ เสียประสิทธิภาพการเก็บไฟครับ และจะตายในที่สุด
การชาร์จแบตเตอรี่ที่ควรจะเป็น
ในมุมมองของผมนะครับ คือชาร์จจนเต็มแล้ว ก็เอาปลั๊กออก ใช้ไฟจากแบตฯ ไปเรื่อย ๆ จนเขาเตือนขึ้นมาว่าไฟใกล้หมดแล้ว (หรือบางทีผมก็ไม่รอให้เขาเตือน) ค่อยเสียบชาร์จใหม่
เป็นแบบนี้สลับกันไปเรื่อย ๆ ครับ เพื่อให้เซลแบตฯ ที่มีอยู่ทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมดได้มีไฟไหลผ่านเข้าออกบ้าง เพื่อยืดอายุเซลแบตฯ ให้อยู่กับเรานานที่สุดครับ
การคาลิเบรต แบตเตอรี่ ช่วยยืดอายุ/สุขภาพแบตฯ ด้วยไหม?
ไม่ครับ การคาลิเบรตแบตเตอรี่ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดใดกับคุณภาพแบตฯ ที่เรามีอยู่ในเครื่องเลย ที่เขาทำเป็นเพียงแค่ reset การอ่านค่าปริมาณแบตฯ ให้กลับมาแสดงผลได้ถูกต้องแค่นั้นครับ ถ้าเครื่องอ่านค่าผิด เมื่อ reset ตรงนี้แล้ว เราจะได้ค่าที่ถูกต้องกลับมา ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง
- ค่าใหม่ที่ได้จะมากขึ้น เป็นผลให้คนเข้าใจว่าการ calibrate ทำให้แบตฯ ดีขึ้น หรือ
- ค่าใหม่ที่ได้ลดลอง ทำให้คนที่ได้ตรงนี้เข้าใจว่าการ calibrate ทำให้แบตฯ ตายเร็วขึ้น
สิ่งเดียวที่มีผลในเรื่องสุขภาพแบตฯ ตามความคิดผมนะครับ คือลักษณะการชาร์จไฟเพียงอย่างเดียว ไม่มี hardware หรือว่า software มาช่วยยืดอายุตรงนี้ครับ ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการชาร์จล้วน ๆ
หมดแล้วครับ หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
ก๊อก
- Login to post comments
Navigation
Relevant Content
หัวข้อที่(อาจจะ)เกี่ยวข้อง
Comments
posts
ขอบคุณค่ะ
ได้ความรู้ เยอะเลยค่ะ ^0^
(พ่อก๊อก ขั้นเทพ จ้าาา ชาบู ( ติดพวกพี่ต่ายมา 55 ) )
posts
ขอบคุณด้วยค่าาา ^^
ถ้าอย่างนั้นเราก็ควรใช้แบตให้ใกล้หมดก่อน แล้วค่อยชาร์จ
พอชาร์จเต็มก็เอาปลั๊กออก แล้วก็ใช้ให้ใกล้หมด..เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ใช่มั๊ยคะ?
แต่ว่าตอนเริ่มชาร์จตั้งแต่ 10-20% ขึ้นไปเนี่ย ทำให้เครื่องร้อนน่าดูเลย
มันจะมีผลอะไรกับเครื่องมั๊ยคะ
แล้วถ้าเราปิดเครื่องแล้วชาร์จให้เต็มที่จะดีกว่ารึเปล่า?
posts
ไม่เกี่ยวครับ
เพราะว่า ก่อนหน้าที่มันจะมาอยู่ที่ 10-20%
มันคงร้อนมาอยู่แล้วจากการใช้งาน
ปิดเครื่องชาร์จมันก็อุ่นๆนะครับ
posts
ขอบคุณค่ะ ^^
ขอบคุณค่ะ
posts
ขอบคุณครับๆ
สรุปคือเวลาอยู่บ้านอย่างงี้แบตเต็มก็ถอดปลั๊กพอเริ่มจะหมดเหลือสัก 30 40% ค่อยชาต อย่างงี้หรอครับผม
posts
ใช่ครับ
จะเหลือแค่ไหนแล้วชาร์จก็ได้ครับ ขอแค่ไม่เสียบค้างเอาไว้ตลอดเวลา ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ หลังจากที่ชาร์จจนเต็มแล้วเป็นใช้ได้ครับ
posts
อ๋อครับ
คือชาตเต็มก็เอาออก พอใช้ไปเรื่อยๆแล้วค่อยชาตใหม่ประมาณนี้ใช่ไหมครับ
posts
แม่นครับ
สรุปจากที่เขียนไว้ทั้งหมดมาเป็นวิธีแค่นี้ครับ
posts
เจ๋๋ง
เจ๋งไปเลยพี่ก๊อก เพราะมีแต่คนสงสัย
เขียนแบบนี้ออกมา เกทเลย
posts
หามาฝาก
http://www.ehow.com/how_5178444_save-laptop-battery-life.html
http://www.apple.com/batteries/notebooks.html
posts
เยี่ยมครับ
เยี่ยมครับ
ผมรอให้หมดก่อนประมาณเหลือ 3-4% แล้วค่อย Charge ครับ เสี่ยงและเสียวดีเวลาต้องใช้งานข้างนอก
posts
แล้วถ้าใช้แบตเล่น
แล้วถ้าใช้แบตเล่น แล้วเล่นไม่หมดล่ะคับ อาจจะเหลือครึ่งนึง แล้วเราควรทำยังไงคับ
ขอบคุณคับ
posts
ย้อนขึ้นไปดู reply ที่ 5 ครับ
ย้อนขึ้นไปดู reply ที่ 5 ครับ แล้วอ่านไล่ลงมาอีกที
posts
ผมหมายความว่า
ผมหมายความว่า รอทิ้งไว้ก่อนได้มั๊ย หรือว่าต้องขาร์ตต่อเลย เรื่องชาร์ต ได้ หรือ ไม่ได้ ผมทราบจากตรงนั้นแล้วคับ
posts
ในความคิดผมนะครับ
ผมคิดว่าไม่ต้องไป fix อะไรมันมากหรอกครับผม ก็แค่ชาตเต็มแล้วก็เอาออกครับ ส่วนจะชาตตอนกี่ % ก็เหมือนกันแหละครับอยู่ที่เราว่าอยากชาตตอนไหน แค่อย่าให้มันหมด ก็พอครับ
posts
ถูกต้องนะค๊าบ
ถูกต้องนะค๊าบ
posts
แล้วถ้าชาร์ตไม่เต็มในครั้งเดี
แล้วถ้าชาร์ตไม่เต็มในครั้งเดียวล่ะคับ เช่นชาร์ตไปได้ 70% แล้วจำเป็นต้องออกจากบ้านโดยต้องยกไปด้วยเนี่ย จะมีผลต่อแบตฯ มั๊ยครับ ???
posts
ไม่ครับ
ไม่มีผลอะไร เพราะเขาก็จะทำงานตามปรกติของเขาไปครับ
posts
ขอบคุณคับพี่ก๊อก
ขอบคุณคับพี่ก๊อก
posts
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ จะได้ เปลี่ยนวิธี
posts
จู่ ๆ ก็นึกสงสัยคับ
ผมเห็นพี่ก๊อกสามารถอธิบายถึงการคายประจุของแบต ฯ ได้อย่างยอดเยี่ยมคับ ผมก็เลยแอบสงสัยว่า ที่บอกว่าแบต ฯ ใช้อย่าใช้จนหมดจะเป็นการดี ผมเลยสงสัยว่าแล้วทำไมใช้จนหมดไม่ดีตรงไหนหรอคับ
ขอบคุณคับ
posts
คืองี้ครับ
ถ้าปล่อยให้หมดไปเลย มันจะทำให้การเก็บประจุ
เริ่มมีเสื่อมสภาพครับ
posts
ใช้แบตฯ จนหมดไปเลย ไม่ดีตรงที่....
คุณจะเซฟงานไม่ทันสิครับ
posts
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ปล.อยากทราบว่าใช้โปรแกรมอะไรใน Finder เช็คแบตครับ
posts
ตอบครับ
ใน finder ผมไม่ทราบครับ แต่ผมใช้ตัวนี้ครับ
iStat Menu
posts
ลอง Load มาดูแล้วครับ
ขอบคุณครับ
posts
เมื่หมือนกันเลย
ใช่ 5-8 ชั่วโมเหมือนกันเลยค่ะ
แต่ไม่รู้ทำไม บางวันก็ทำ แค่การบ้าน แชท เอ็ใเอสเอ็น
แต่แบตก็ยังชาร์ตวันละ 3 ครั้งเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่เต็มแล้ว
หรือยังไง งงมาก
ขอบคุณมากๆนคะ ได้ความรู้มาเพิ่มหลายอย่างเลย
แต่ติดข้อสงสัยนิดหน่อย
รบกวนแอด เอ็มได้ไหมคะ?
pimmyff แอด ฮอทเมล์
[ผมแก้อีเมล์ให้นะครับ เดี๋ยวโดนสแปมครับ - ก๊อก]
posts
:)
ถามมาในบอร์ดนี้ล่ะครับ ผมไม่ค่อยได้ออนเอ็มเอสเอ็นครับ (หมายถึงจะ add ผมใช่ไหมครับ?)
posts
งั๊นถ้าผมสรุปว่า
ผมก็สามารถชาร์ตมั่ว ๆ ได้เลยนะสิคับแบบนี้ อยากชาร์ตเมื่อไหร่ก็ชาร์ตได้ ไม่ต้องเต็มก็ชาร์ตได้ ชาร์ตไม่ต้องเต็มก็เอาออกได้ ขอแค่อย่างเดียว คือ อย่าให้แบตฯหมดเป็นพอ ถูกต้องมั๊ยครับ
posts
ประมาณนั้นครับ
ใช้ให้เป็นธรรมชาติล่ะครับ เอาสะดวกเรา แค่อย่าแช่ชาร์จค้างไว้ข้ามวันข้ามคืนเป็นใช้ได้ครับ คุณจะปล่อยให้แบตฯ หมดก็ได้ ถ้าไม่กลัวว่าจะเซฟงานที่ทำอยู่ไม่ทันครับ
posts
ขอบคุณพี่ก๊อกมาก ๆ
ขอบคุณพี่ก๊อกมาก ๆ คับ
สรุปคือใช้เอาสะดวกนี่เอง อิอิอิ ไม่ต้องกลัวแบตฯเสื่อมด้วย
ปล. ในรูป Batt Capacity หายไป 200 กว่า mAh ในเวลา 8 เดือน มันปกติรึปล่าวคับ รึว่ามันเสื่อมมากเกินไปคับ ?
ขอบคุณคับ
posts
ปกติครับ
อย่าไปเครียดกับเรื่องนี้เลยครับ
ถ้ามันยังมีประกันและไม่ถึง 300 cycles แล้วแบตหมดเร็วมาก
ก็เอาไปเคลม แค่นั้นครับ
posts
ช่วยดูให้หน่อยครับ
posts
ตอบครับ
เวลาที่เห็นเกิดจากการคำนวณที่จำนวณคร่าว ๆ ครับ เปิด-ปิด app หลายตัวก็มีผลให้เวลาเปลี่ยนไปได้ค่อนข้างชัดเจนอย่างที่เห็นครับ ขึ้นอยู่กับโปรแกรม และการใช้งานจริงขณะนั้นมากกว่าที่จะคำนวณแบบคงที่หรือว่าตายตัวให้ได้ค่าเดียวครับ
ไม่ดับครับ จะติดเขียวแบบนั้นอยู่ตลอดครับ
ถ้าใช้งานได้ดีอยู่ (หมายถึงแบตยังเก็บไฟได้เท่าที่ควรจะเป็น) แบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลนะครับ
posts
เห็นต่างนิดหน่อย
เนื่องจากที่ได้รู้มา ใช่ครับการที่แบตเต็มแล้วยังเสียบไฟอยู่จะมีกระแสรั่วไหลออกมา แต่มันไหลออกมาน้อยมากๆ ดังนั้นการที่ % ของแบตเตอรี่จะลดลงไปนั้นจะใช้เวลานาน สังเกตจากเมื่อชาร์ตเต็มแล้วจะไม่มีการชาร์ตอีกเมื่อไรเสียบฟลั๊กทิ้งไว้ แต่จริงๆแล้วมีแต่นานมาก
การที่เราใช้แบตเตอรี่ โดยไม่เสียบไปซักระยะหนึ่งแล้วค่อยเสียบ สังเกตว่าแบตจะร้อนมาก เนื่องจากการไหลของกระแสจะเยอะ เพื่อให้แบตเตอรี่ชาร์ตเร็วขึ้น ยิ่งความต่างศักย์มากเท่าไร(% น้อยๆ)กระแสไหลจะเยอะมากตาม สิ่งที่ได้ตามมาคือความร้อน และความร้อนก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้เซล์ของแบตเสื่อมสภาพ ไม่แพ้ charging cycle
อันนี้เห็นต่างนิดหน่อยครับ
posts
:)
แล้วเสียบปลั๊กค้างเอาไว้ตลอดเวลานี่คือทำให้เครื่องร้อน ตลอดเวลาด้วยใช่ไหมครับ?
posts
ครับ
เครื่องร้อนครับ แต่แบตไม่ร้อนครับ อย่างที่เข้าใจแหละครับว่าเมื่อไฟเต็มแล้วแบตเตอรี่จะไม่ถูกใช้ จะถูกตัดเหมือนมือถือครับ แต่หน้าสัมผัสของแบตก็ยังอยู่กับขั้วเหมือนเดิมถูกไหมครับ เรายังไม่มีอุปกรณ์ใดๆที่สามารถทำตัวเองได้ตามทฤษฎีตรงเป๊ะ ดังนั้นมีกระแสรั่วอยู่แล้วครับแต่น้อย ดังนั้นถามว่าแบตร้อนไหม ไม่ครับ แต่เครื่องร้อนมันร้อนที่การประมวลผลของ cpu&graphic card ครับ ไม่งั้นลองเสียบปลั๊กไว้แล้วเข้า sleep mode หลังจาก charge เต็มเครื่องจะไม่ร้อนเลยครับ
คุณก๊อกอย่าซักผมมากครับ เดี๋ยวผมเขว ฮ่าๆ ล้อเล่นครับคือผมเข้าใจอย่างนี้น่ะครับ ใครมีความรู้เห็นต่างก็บอกๆกันครับ เผื่อเข้าใจบางอย่างผิด
สำหรับ Li+ นั้นที่สำคัญเลยคือห้ามให้ประจุหมดเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เสื่อมอย่างแน่นอนที่สุดและเร็วด้วย อันนี้น่าจะรู้กันอยู่แล้ว ส่วนเรื่อง cycle time จริงๆแล้วผมไม่สนใจด้วยซ้ำกับ laptop เครื่องก่อนๆ แต่พอมารู้ว่า apple รับประกันที่ cycle time ด้วย ก็เลยใส่ใจขึ้นมานิดนึง ฮะๆ
posts
:)
ไม่ ๆ ครับ ไม่ได้อะไร คิดแตกต่างได้ตามสะดวกครับ เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลด้วยทางนึง เป็นไสยศาสตร์ด้วยอีกทางนึงครับ
posts
*o*
เป็นไสยศาสตร์ เหรอครับ ผมว่า...จริงทีเดียว ฮ่าๆ เพราะ battery ผลิตพร้อมกัน ใช้งานเหมือนกัน ยังพังไม่พร้อมกันเลยครับ ผมบอกตรงๆ...ทำบุญกันเยอะๆนะครับ
posts
5555
0101001 หมุนคนละตำแหน่ง มั่งค่ะ อิอิ
posts
นั่นสิครับ
ผมถึงแนะนำสมาชิกใหม่หลายๆคนว่า
อย่าสนใจมากเกินไป เดี๋ยวจะใช้งานไม่เป็นสุข
มีปัญหาจริงๆก็เอาไปเคลม
posts
ขอบคุณครับ เข้าใจผิดมานาน
ขอบคุณครับ
เข้าใจผิดมานาน
posts
ใช้มันไปเรื่อยๆ
ใช้มันไปเรื่อยๆ เสื่อมเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน
posts
ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณนะคะ
posts
ขอโทษนะครับอาจเป็นคำภามที่โง่
ขอโทษนะครับอาจเป็นคำภามที่โง่เง่าไปนิด วิธีดู batterry health นี่ดูยังไงครับ
posts
^-^
ไปที่ลูก แอ๊ปเปิ้ลนะค่ะ คลิกเลือก About > More Info > Power
และดูที่
Health Information:-
นะค่ะ ว่าเท่าไร
Cycle count: 334
Condition: Normal
ปล. อยากจะฝากบอกว่า ไม่มีคำถามอะไรที่โง่ ที่จะถามค่ะ แค่คิดว่า รู้ว่าจะถาม ยอมมีปัญหา ปัญหามีไว้สร้างปัญญา ค่ะ ^-^
อย่าคิดว่าเราเป็นคนโง่ค่ะ แค่เราถามเป็น แสดงว่าเราฉลากที่จะความรู้ คนที่โง่คือคนที่รู้ แต่นำมาใช้ไม่เป็น
posts
< moreinfo
posts
เท่าที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับกา
เท่าที่อ่านหนังสือเกี่ยวกับการใช้แมคบุคพื้นฐาน เขาบอกว่า ถ้า Cycle ของแบตเตอรี่ เกิน 300 ทางศูนย์จะไม่รับเคลม เพราะแบตหมดอายุการใช้งาน จริงหรือปล่าวครับ ? แต่ว่าตัวแบตสามารถชาร์ตได้ถึง 1000 ครั้ง วานผู้รู้ช่วยแถลงไขหน่อยครับ
posts
ลองดูในนี้นะครับ
จากในหน้าเว็บของ Apple.com เอง ระบุเอาไว้เป็นระยะเวลาครับ ไม่เกี่ยวกับรอบ cycle ชาร์จ
http://www.apple.com/support/macbook/service/battery/
หรือข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ battery ที่หน้านี้
http://www.apple.com/batteries/replacements.html
ปล.นับจากวันที่ผมเขียนอยู่นี้ ข้อมูลตรงนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตครับ แต่คิดว่าเขาจะนับจากระยะเวลามากกว่าที่จะนับรอบ cycle ชาร์จครับ เพราะรอบชาร์จบอกอะไรแน่นอนไม่ได้ครับ
posts
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆที่น
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆที่นำมาแนะนำ
จะลองทำตามดูละกันนะครับ
ขอบคุณครับ