Automator : ตัวอย่างจากสถานการณ์จริง Automator ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

ikok's picture
10285
posts
| Tags:

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่า Automator นี่มีเอาไว้ใช้ทำอะไรแน่ ผมจะลองยกตัวอย่างแบบละเอียดกว่าโพสที่แล้วก็แล้วกันนะครับ เผื่อจะเห็นภาพได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างที่ 1
เช่น ผมมีไฟล์ภาพขนาด 3216x2136 pixel (หรือขนาด 8 Mega Pixel ที่ประมาณ 3.3 MB ต่อภาพ) มีทั้งหมดอยู่ 577 ไฟล์ในแฟ้มงานโปรเจคของผมใน My Document แล้วผมต้องการที่จะ

  • เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมด จากเดิมชื่อว่า R00-XXX.jpg เป็น p-XXX.jpg และ
  • ย่อขนาดจาก 3216x2136 เป็นขนาด 1600x1200

ผมมีทางเลือกระหว่าง

  1. หาโปรแกรมจัดการกับภาพ เช่น iPhoto ขึ้นมาแล้ว import รูปเข้าไปจัดใหม่, เปลี่ยนชื่อ แล้ว Export ออกมาให้ได้ขนาดที่ต้องการ คิดว่าขั้นตอนทั่งหมดนี้จะใช้เวลาไปเท่าไหร่ครับ?
  2. ใช้ Automator เขียน workflow ขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนชื่อ กับลดขนาดไฟล์ให้ได้ตามที่ต้องการ
  3. หาโปรแกรมเฉพาะทางอื่น ๆ มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่สามารถหาได้ใน internet ครับ แต่จะมีแบบที่เสียเงินซื้อบ้าง และทำได้อย่างที่ต้องการไม่ทั้งหมดบ้าง .. ส่วนใหญ่จะเสียเวลาหาโปรแกรม + เรียนรู้วิธีใช้ใหม่ครับ..

และจากการใช้ Automator เพื่อลดขนาดรูปจาก 3216x2136 pixel มาที่ 1600x1200 pixel จากเดิมขนาด 3.3MB โดยประมาณต่อภาพ เหลือที่ประมาณ 300KB ต่อภาพ ทั้งหมดผมใช้เวลาประมาณ 12 นาทีโดยประมาณ .. และเป็นการทำงานแบบ สั่งทีเดียวจบครับ ผมสามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีก.. (อันนี้นั่งจับเวลาเองกับมือครับ ยิ้ม ตอนที่ทำ slideshow งานแต่งให้เพื่อนผม)

มาต่อกันที่การเปลี่ยนชื่อ เสียดายที่ภาพงานแต่งเพื่อนของผมไม่ต้องเปลี่ยนชื่อผ่าน automator ครับ เลยไม่มีตัวเลขยืนยันแน่นอน มีแต่จะที่ลองเองกับชุดภาพถ่ายส่วนตัวจำนวน 83 ไฟล์ภาพใช้เวลาประมาณไม่ถึง 2 วินาทีในการเปลี่ยนชื่อทั้ง 83 ภาพใหม่ และยังมีลำดับการเรียงภาพเหมือนเดิมครับ

ที่จะเสียเวลาจริง ๆ คือการสร้าง workflow ของ automator ครับ สำหรับตัวผมเองคิดว่า เรียนรู้ตรงนี้ไว้เองดีกว่า อย่างน้อย ถ้าเขียน workflow เสร็จไปแล้ว เราก็เก็บไว้ใช้อีกได้เรื่อย ๆ และสามารถสร้าง workflow ที่เราต้องการเพิ่มเองได้อีกในอนาคตครับ =)

ตัวอย่างที่ 2
ถ้าเรามี workflow ที่ใช้เป็นประจำอยู่เยอะ ๆ แล้ว .. ในตัว Automator เองเปิดโอกาสให้เราเซฟ workflow ที่เรามีเอาไว้ในเมนูบน Finder แล้วเรียกใช้งานโดยการคลิ๊กขวาบนเมาส์ (หรือกด Ctrl+Click) ได้แบบนี้ครับ

submenu_1.jpg

ทำให้เราไม่ต้องเปิด Automator ขึ้นมาทุกครั้งในการทำงาน และสามารถแจกให้กับ Mac เครื่องอื่นทำงานแบบเดียวกันนี้ได้อีก =)

note : ดู การ save workflow ใน Automator ประกอบ

ตัวอย่างที่ 3
ผมสามารถเปลี่ยน workflow ที่มีอยู่ใน Automator แล้วสร้างโปรแกรมเล็ก ๆ แบบ stand alone ขึ้นมาทำงานเฉพาะอย่างได้ ซึ่งโปรแกรม stand alone หรือว่า script โปรแกรมเล็ก ๆ เหล่านี้ ทำงานได้ด้วยตัวของเค้าเองครับ คือไม่จำเป็นต้องเรียกผ่าน Automator และยังสามารถทำงานแบบเดียวกันได้อีกบน Mac OS X เครื่องอื่น ๆ ด้วย

สรุป
จากตัวอย่างการใช้งาน Automator ที่ผมเขียนทั้งหมดนี้พอจะเห็นภาพขึ้นบ้างไหมครับ?

จริง ๆ Automator สามารถประยุกต์ไปได้อีกสารพัดแบบเลยครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจินตนาการไปได้แค่ไหน ลองเล่นกันดูนะครับ ขอให้มีความสุขในการใช้งาน Automator ครับ =)

Comments

iFongBeer's picture
36
posts

เคยแตะหลายครั้งและครับ

เคยแตะหลายครั้งและครับ แต่ก็งงโคตรงง เลยปล่อยมันApp นั้นไว้อย่างนั้นต่อไป ต้องมีการเปิดคอร์สสอนแล้วล่ะ

เฮ้อเศร้าก่ะAutomator
#1
nickoe's picture
4320
posts

เอาเป็น

วันไหนผมว่างจะมาสอนทำ automator แบบ basic สุดๆให้ละกันครับ
เพราะผมเองก็ยังไม่ค่อยจะได้เรื่องกับเจ้านี่เท่าไร แค่พอทำได้บ้าง

#2
ikok's picture
10285
posts

basic automator

เรื่องนี้พูดยากครับ

จะดีที่สุดเลยคือ อ่านหรือทำความเข้าใจของหลักการโปรแกรมให้ได้ก่อน

แล้วจากนั้นก็เปิดตัวอย่างในเวปนี้แล้วทำตามไปด้วย

จะเห็นภาพได้ง่ายขึ้นกว่าอ่านอย่างเดียวครับ

ตัวอย่างที่ผมเลือกมาทำ เป็นสิ่งที่ง่ายและสามารถทำแล้วเก็บเอาไว้ใช้ได้ในอนาคตต่อไปอยู่แล้ว เช่นเรื่องการเปลี่ยนชื่อไฟล์ครั้งละเยอะ ๆ หรือว่าการย่อไฟล์ภาพครั้งละเยอะ ๆ 

คุณต้องเจอตรงนี้อยู่ดี ไม่ตอนนี้ก็ในอนาคต =)

ลองค่อย ๆ ไล่ดูนะครับ

#3
iFongBeer's picture
36
posts

ลองทำตามแล้วอ่ะคับแต่ก็งง

ลองทำตามแล้วอ่ะคับแต่ก็งง โคตรยากเปลี่ยนชื่อไฟล์หลายๆไฟล์อ่ะคับ ลองทำแล้วยิ่งดูยิ่งลองทำยิ่ง งง

แง้ๆๆๆ

ตอนนี้โหลด Rename4Mac มาและแบบเสียตังด้วยแพงฉิบแต่ก็ยอม

#4
ikok's picture
10285
posts

งงตรงขั้นตอนไหนเหรอครับ?

ถ้าระบุขั้นตอนที่ไม่เข้าใจมาได้จะดีมากครับ เผื่อว่าผมจะได้เขียนอธิบายเพิ่มให้ และเป็นประโยชน์กับสมาชิกท่านอื่น ๆ ครับ =)

#5